วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๖ นางสาวลดา ภู่มาศ กงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ จัดการประชุมทีมประเทศไทย ณ นครเซี่ยงไฮ้ ได้แก่ กงสุล (ฝ่ายการลงทุน) กงสุล (ฝ่ายเกษตร) รักษาการกงสุล (ฝ่ายพาณิชย์) ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. กงสุลฝ่ายเศรษฐกิจและสารนิเทศประจำสถานกงสุลใหญ่ฯ พบหารือภาคธุรกิจไทยในนครเซี่ยงไฮ้ ที่บ้านพักกงสุลใหญ่ฯ

ภาคธุรกิจไทยประกอบด้วยผู้บริหารบริษัทสหยูเนี่ยน (ประเทศจีน) Super Brand Mall เครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัท SCG Plastics กลุ่ม ปตท. (นครเซี่ยงไฮ้) บริษัท Global Renewable Power (ประเทศจีน) บริษัทบ้านปู (ประเทศจีน) ธนาคารกสิกรไทย (ประเทศจีน) และธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) โดยรองประธานหอการค้าไทยในจีนและ รองเลขาธิการหอการค้าไทยในจีนได้รับเชิญเข้าร่วมด้วย

กงสุลใหญ่ลดาฯ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดพบปะหารือในรูปแบบ Working Lunch และให้ข้อมูลภาคเอกชนไทยเกี่ยวกับพัฒนาการสำคัญของจีนและแนวทางการดำเนินงานในปี ๒๕๖๕ ของมณฑลในเขตกงสุลได้แก่เขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี (Yangtze River Delta: YRD) ประกอบด้วยนครเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจียงซู มณฑลเจ้อเจียง และมณฑลอานฮุย ซึ่งเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยและมีศักยภาพสูงในการขยายความร่วมมือระหว่างกันในบริบทของการเปิดประเทศภายหลังการแพร่ระบาดโควิด-๑๙ และการไปมาหาสู่ระหว่างกันในระดับต่าง ๆ ที่จะเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนแนะนำโอกาสจากพัฒนาการสำคัญของไทย อาทิ Eastern Economic Corridor (EEC) และ Bio-Circular-Green (BCG) Economy Model ที่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศและการประกอบธุรกิจในจีน

ทีมประเทศไทยฯ ร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินงานในประเด็นที่เกี่ยวข้องทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การเกษตร และการท่องเที่ยว ภาคธุรกิจไทยร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นที่น่าสนใจโดยเฉพาะสภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและจีนในปี ๒๕๖๖ โอกาสความร่วมมือในการส่งเสริมการค้า/ การลงทุนไทย - จีนและไทย - YRD และความท้าทายสำหรับการดำเนินธุรกิจในจีน เป็นต้น

อนึ่ง กงสุลใหญ่ฯ ย้ำความสำคัญของภารกิจในการส่งเสริม คุ้มครอง และปกป้องผลประโยชน์ของภาคเอกชนไทยใน YRD และบทบาทเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างธุรกิจไทย - จีนในพื้นที่ ตลอดจนให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความร่วมมือกับภาครัฐที่เกี่ยวข้องของจีนอย่างยั่งยืน ตระหนักว่าการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในการพบหารือครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการรับฟังและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัน ตลอดจนเสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจไทยในพื้นที่ให้เข็มแข็งยิ่งขึ้น